Knowledge

puc
picture

Fire Suppression System ระบบดับเพลิงอัตโนมัติ

ระบบดับเพลิงอัตโนมัติ (Fire Suppression System)

คือ ระบบที่เข้ามาช่วยป้องกันอัคคีภัยโดยไม่จำเป็นต้องเปิดใช้งานโดยมนุษย์ เมื่อตรวจพบควันไฟก็สามารถทำงานได้ทันทีซึ่งระบบดับเพลิงอัตโนมัติ

เป็นระบบป้องกันอัคคีภัยที่นิยมใช้งานเป็นอย่างมาก ช่วยระงับเหตุเพลิงไหม้ก่อนที่ไฟจะลุกลาม ลดความเสียหายที่เกิดจากเพลิงไหม้ได้เป็นอย่างมาก

ปัจจุบันมีระบบดับเพลิงอัตโนมัติให้เลือกหลากหลาย ทั้งชนิดผงเคมีแห้ง ก๊าซธรรมชาติ สารสะอาดดับเพลิง โฟมดับเพลิง และระบบดับเพลิงด้วยน้ำ

โดยจะต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพราะสารดับเพลิงแต่ละชนิดใช้งานดับไฟได้แตกต่างกัน


คุณสมบัติของระบบดับเพลิงที่ได้มาตรฐาน..จำเป็นต้องมีอะไรบ้าง?

การติดตั้งระบบดับเพลิงอัตโนมัติที่ได้มาตรฐาน จำเป็นจะต้องมีองค์ประกอบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การตรวจจับเพลิง จะต้องมีเซ็นเซอร์หรืออุปกรณ์

ที่สามารถตรวจจับเพลิงไหม้ได้อย่างรวดเร็ว เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับควัน (Smoke Detectors) หรือเซ็นเซอร์ตรวจจับความร้อน (Heat Detectors)การส่งสัญญาณ ซึ่งระบบจะต้องสามารถส่งสัญญาณแจ้งเตือนให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในอาคาร หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทราบว่ามีเหตุ

เพลิงไหม้เกิดขึ้น โดยจะต้องส่งสัญญาณแจ้งเตือนรวดเร็วแม่นยำ ทั้งการแจ้งเตือนแบบเสียงและการแจ้งเตือนผ่านทางอีเมลล์หรือ SMS อุปกรณ์

ใช้ดับเพลิง ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากของระบบดับเพลิงอัตโนมัติ เพื่อดับเพลิงในขณะที่มีการตรวจจับเพลิงไหม้ได้ ประกอบไปด้วย สปริงเกิล

เปิดน้ำ (Sprinkler System) หรืออุปกรณ์ฉีดสารดับเพลิงแบบแก๊ส (Gas Suppression System) ซึ่งจะต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสถานที่ต่าง ๆ ระบบควบคุมการทำงานของระบบดับเพลิง ที่สามารถกำหนดค่าและควบคุมการทำงานต่าง ๆ ได้ เช่น การควบคุมให้เป็นระบบตรวจจับเพลิงไหม้แบบอัตโนมัติ หรือการควบคุมด้วยคนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ การทดสอบบำรุงรักษาระบบดับเพลิงอยู่เสมอ เพื่อให้ระบบพร้อมทำงานได้อย่างมี

ประสิทธิภาพตลอดเวลา การประเมินความเสี่ยงของสถานที่ เพื่อเลือกใช้ระบบดับเพลิงอัตโนมัติให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่แตกต่างกัน และการติดตั้ง

ตามมาตรฐานและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถใช้งานระบบดับเพลิงอัตโนมัติได้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพในการป้องกัน

และดับเพลิงสูง

d

Fire Pump เครื่องสูบน้ำดับเพลิง

เครื่องสูบน้ำดับเพลิง หรือ Fire Pump เป็นอุปกรณ์ที่เป็นกำลังหลักสำคัญในระบบการดับเพลิง ใช้ในการเคลื่อนน้ำจากตำแหน่งหนึ่งไปยังอีกตำแหน่งที่สูงกว่า หรือในระยะที่ไกลออกไป เป็นส่วนหนึ่งของระบบน้ำดับเพลิงแบบสปริงเกอร์ (Fire Sprinkler) ซึ่งสามารถทำงานได้ทันทีโดยอัตโนมัติ จากการแตกของหัวกระจายน้ำเมื่อเกิดเพลิงไหม้ และมีความร้อนเกิดขึ้นในอุณหภูมิที่กำหนด สามารถควบคุมเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นได้ทันที ขณะที่เพลิงยังมีขนาดเล็ก ทำให้หยุดการขยายตัวลุกลาม

จึงเหมาะแก่การติดตั้งใช้งานกับ อาคารสูง, คอนโดมิเนียม, โรงแรม, โรงพยาบาล, ห้างสรรพสินค้า, สถานศึกษา และโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น


ซึ่งระบบขับเคลื่อนเครื่องสูบน้ำดับเพลิง จะแบ่งเป็น 2 ประเภท

1. ขับเคลื่อนด้วยมอร์เตอร์ไฟฟ้า ซึ่งต้องต่อเข้ากับแหล่งจ่ายไฟโดยตรง

เช่น หม้อแปลงไฟฟ้า

2. ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล แบ่งได้เป็น 2 ระบบ

ได้แก่ ระบบ Heat Exchange Cooled คือ ระบบหล่อเย็นด้วยน้ำโดยใช้เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน

และระบบ Radiator Cooled คือ ระบบหล่อเย็นด้วยน้ำโดยใช้รังผึ้งระบายความร้อนด้วยพัดลมจากเครื่องยนต์


โดยระบบปั๊มน้ำดับเพลิง (Fire pump system) ประกอบด้วย

เครื่องสูบน้ำรักษาแรงดัน (Jockey Pump)

เครื่องสูบน้ำดับเพลิง (Fire Pump)

ตู้ควบคุมเครื่องสูบน้ำรักษาแรงดัน (Jockey Pump Controller)

ตู้ควบคุมเครื่องสูบน้ำดับเพลิง (Fire Pump Controller)

และอุปกรณ์สำหรับชุดเครื่องสูบน้ำดับเพลิงครบชุด


d

ระบบตรวจจับควัน

ระบบที่มีการตรวจจับควัน และแจ้งเตือนชนิดระบุตำแหน่ง หรือ Addressable Smoke Detector/Addressable Notification Appliances คืออุปกรณ์ที่จะทำหน้าที่ตรวจจับควันที่เกิดจากการเผาไหม้ และจะทำการส่งสัญญาณเตือนเพื่อแจ้งเหตุให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ใช้อาคารทราบได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เพราะสามารถระบุตำแหน่งที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ได้อย่างแม่นยำ

ซึ่งจะทำให้ลดระยะเวลาในการค้นหาเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งมีผลโดยตรงที่จะทำให้ลดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของท่าน นอกจากด้านความรวดเร็วและแม่นยำแล้ว ยังลดการทำงานผิดพลาดของอุปกรณ์ได้อย่างชัดเจน โดยการชดเชยความสกปรกจากสภาพแวดล้อมโดยอัตโนมัติ และการแจ้งเตือนให้ทราบถึงความสกปรกของอุปกรณ์ตรวจจับ ซึ่งทำให้เราสามารถแก้ไขได้ก่อนที่จะเกิดการทำงานผิดพลาด และความยืดหยุ่นในการเพื่อตอบสนองทุกความต้องการในการป้องกันอัคคีภัยของคุณ ทั้งปัจจุบันและในอนาคต


วันนี้ “อิมพีเรียล” จะพาทุกท่านไปรู้จักกับอุปกรณ์ที่จำเป็นในระบบนี้กันครับแผงควบคุมระบบแจ้งเหตุไฟไหม้ชนิดระบุตำแหน่งได้ (Addressable Fire Alarm Control Panel ) นั้น ระบบจะใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ตรวจจับเพลิงไหม้ชนิดต่างๆ เช่น อุปกรณ์ตรวจจับควัน (Smoke Detector), อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) และอุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือ (Manual Call Point) เพื่อเป็นสัญญาณเริ่มต้น (Input Signal) สำหรับการส่งสัญญาณแจ้งเตือนการอพยพ เช่น ระบบกระจายเสียง (Speaker) และกระดิ่งแจ้งเตือน (Alarm Bell) โดยอุปกรณ์ทั้งหมด ได้รับมาตราฐานสากล UL/FM และสามารถเชื่อมต่อกับระบบประกอบอาคารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ระบบลิฟต์


สถานที่ที่เหมาะแก่การติดตั้งระบบนี้ ควรเป็นสถานที่ที่มีพื้นที่ขนาดค่อนข้างใหญ่ มีความซับซ้อนในพื้นที่ เช่น โรงแรม คอนโดมินเนียม อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น ครับ


d

5 ระบบดับเพลิงอัตโนมัติ

ปัจจุบันมีระบบดับเพลิงอัตโนมัติให้เลือกหลากหลาย ทั้งชนิดผงเคมีแห้ง ก๊าซธรรมชาติ สารสะอาดดับเพลิง โฟมดับเพลิง และระบบดับเพลิงด้วยน้ำ ซึ่งต้องเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานเพราะสารดับเพลิงแต่ละชนิดใช้งานดับไฟได้แตกต่างกัน ซึ่งหากเลือกใช้สารดับเพลิงที่ไม่เหมาะสม จะทำให้การดับเพลิงนั้นไม่ได้ประสิทธิภาพ อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินได้


Imperial Fire Engineering มีความตั้งใจที่จะส่งมอบระบบดับเพลิงอัตโนมัติที่ดี และปลอดภัยที่สุดให้กับผู้ใช้งาน รวมถึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วย 5 ระบบ ได้แก่


1. NOVEC 1230 / FM- 200 Fire Suppression System

ระบบดับเพลิงอัตโนมัติด้วยสารสะอาด เป็นก๊าซสังเคราะห์ สามารถดับเพลิงได้รวดเร็ว เมื่อฉีดออกมากลายเป็นไอ และไม่เหลือสิ่งตกค้างหลังจากการใช้งาน มีประสิทธิภาพสูงจึงใช้ถังบรรจุจำนวนน้อยกว่า ทำให้ประหยัดพื้นที่ได้มากขึ้น




2. N2 (IG-100) Inert Gas Fire Suppression System

ระบบดับเพลิงอัตโนมัติชนิดสารสะอาดด้วยก๊าซธรรมชาติ สามารถหาบรรจุได้ง่าย และราคาประหยัด ตัวถังทำจากโลหะแบบ Seamless บรรจุแรงดันได้ถึง 300 bars มีตัวควบคุมแรงดันขณะฉีดอย่างต่อเนื่อง 40-60 บาร์ เพื่อป้องกันการอันตราย





3. Fixed Foam System

ระบบดับเพลิงด้วยโฟม อุปกรณ์และน้ำยาโฟมดับเพลิงมีให้เลือกหลากหลายโดยถูกออกแบบมาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการดับเพลิงพร้อมทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถดับเพลิงที่เกิดจากเชื้อเพลิงประเภท Hydrocarbon และ Polar Solvents



4. Fire Pump System

ระบบเครื่องสูบน้ำดับเพลิงเป็นส่วนหนึ่งของระบบน้ำดับเพลิงแบบสปริงเกอร์ซึ่งสามารถทำงานได้ทันทีโดยอัตโนมัติ จากการแตกของหัวกระจายน้ำเมื่อเกิดเพลิงไหม้ และมีความร้อนเกิดขึ้นในอุณหภูมิที่กำหนด สามารถควบคุมเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นได้ทันที ขณะที่เพลิงยังมีขนาดเล็ก ทำให้หยุดการขยายตัวลุกลาม



5. Kitchen Fire Suppression System

ระบบดับเพลิงในห้องครัวโดยเฉพาะ ถูกออกแบบมาให้สามารถดับเพลิงได้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะเกิดการลุกลาม ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ และทรัพย์สิน สามารถทำความสะอาดได้ด้วยน้ำธรรมดา ติดตั้งได้ง่าย ไม่ต้องเดินท่อ conduit และ corner pulleys

หัวฉีดน้ำยาดับเพลิง ที่มีให้เลือก 5 แบบ จะมี Code สีบอกชัดเจน เพื่อให้สามารถเลือกใช้ในการติดตั้งได้อย่างถูกต้อง






d

ห้องที่ไม่ควรติดตั้งระบบดับเพลิงด้วยน้ำ

ระบบดับเพลิงถือเป็นอีกหนึ่งระบบที่สำคัญสำหรับอาคารทั้ง คอนโดมิเนียม, โรงพยาบาล, ห้างสรรพสินค้า รวมไปถึงโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งผู้ออกแบบ และเจ้าของอาคารควรคำนึงถึงเป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากการเกิดอัคคีภัยนั้นมีโอกาสเกิดได้ทุกเมื่อ

จึงจำเป็นต้องมีการเตรียมรับมือด้วยระบบดับเพลิงภายในอาคาร เพื่อลดความเสียหาย และเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้กับผู้ที่อยู่ภายในอาคารได้นั่นเองครับ


ปัจจุบันมีระบบดับเพลิงอัตโนมัติหลากหลายประเภท ทั้งระบบดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง ระบบดับเพลิงด้วยก๊าซธรรมชาติ สารสะอาด โฟมดับเพลิง หรือที่พบเห็นได้บ่อยภายในอาคารทั่วไป คือ ระบบดับเพลิงด้วยน้ำ ที่จะช่วยลดความรุนแรงของเพลิงไหม้ ลดความร้อนได้อย่างดี แต่ไม่ใช่ทุกสถานที่ที่ควรติดตั้งระบบดับเพลิงด้วยน้ำ

ซึ่งหากเลือกใช้สารดับเพลิงที่ไม่เหมาะสม จะทำให้การดับเพลิงนั้นไม่ได้ประสิทธิภาพ อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินได้ เนื่องจากบางห้อง บางสถานที่เป็นห้องสำคัญ เก็บรักษาทรัพย์สินมีค่า หรือ มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ซึ่งมีมูลค่าสูง ยกตัวอย่างเช่น หากเกิดเพลิงไหม้ห้องดาต้าเซนเตอร์ของธนาคาร แล้วใช้ระดับเพลิงด้วยน้ำ ทรัพย์สินต่างๆ ที่ถูกเก็บรักษาไว้จะเสียหาย รวมไปถึงระบบต่างๆ อาจเกิดการช็อต ขัดข้อง ระบบล่ม ผู้ใช้บริการไม่สามารถทำธุรกรรมได้ จนทำให้ธุรกิจเกิดต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) ซึ่งจะเห็นได้ว่านอกจากธนาคารจะเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ห้องดาต้าเซนเตอร์แล้ว ยังเกิดความเสียหายกว่าเดิมจากระบบน้ำที่ใช้ดับเพลิงอีกด้วย เพราะเหตุนี้จึงจำเป็นต้องเลือกใช้ระบบดับเพลิงให้เหมาะสมนั่นเองครับ

ห้องที่ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษในการวางระบบดับเพลิงนั้น ได้แก่ ห้องดาต้าเซนเตอร์, ห้องควบคุม, ห้องระบบสำรองไฟ, ห้องไฟฟ้า, ห้องปลอดเชื้อ, พิพิธภัณฑ์ และห้องเก็บเอกสารสำคัญต่างๆ ซึ่งห้องเหล่านี้ควรเลือกติดตั้งระบบดับเพลิงพิเศษด้วยสารสะอาด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย


d

ระบบดับเพลิงอัตโนมัติด้วยสารสะอาดคืออะไร

ระบบดับเพลิงอัตโนมัติด้วยสารสะอาด ตามมาตรฐาน NFPA2001 Standard on Clean Agent Fire Extinguishing Systems โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้

1. สารสะอาดประเภทก๊าซเฉื่อย (Inert Gas Agent)

เป็นสารสะอาดดับเพลิงที่มีอยู่ตามธรรมชาติ สารที่นำมาใช้มีทั้งแบบก๊าซเดี่ยวได้แก่ ไนโตรเจน (IG-100), อาร์กอน(IG-01) และ ก๊าซผสมได้แก่ ไนโตรเจน 52%, อาร์กอน 40%, และคาร์บอนไดออกไซด์ 8% (IG-541), ไนโตรเจน 50% และอาร์กอน 50% (IG-55) โดยใช้หลักการลดปริมาณออกซิเจนในอากาศ จากภาวะปกติที่มีปริมาณออกซิเจนประมาณ 21% ให้เหลือต่ำกว่า 15% เพื่อควบคุมให้ปริมาณออกซิเจนมีไม่เพียงพอต่อกระบวนการสันดาบของเพลิง แต่โดยทั่วไปจะไม่น้อยกว่า 12% เพื่อให้มีปริมาณออกซิเจนที่เพียงพอต่อการอพยพออกจากพื้นที่ ซึ่งมาตรฐานกำหนดระยะเวลาในการอพยพออกจากพื้นที่ไม่เกิน 5 นาที โดยถังเก็บสารสะอาดประเภทก๊าซเฉื่อยนี้จะเป็นแบบถังไร้ตะเข็บ (Seamless) สามารถทนความดันสูงได้ถึง 300 bars และสามารถควบคุมความดันที่ไหลผ่านวาล์วในขณะฉีดก๊าซ (Discharge) ให้คงที่ที่ความดันไม่เกิน 60 bars ด้วยอุปกรณ์ควบคุมความดัน (Pressure Regulator) ซึ่งสามารถถอดแยกชิ้นจากวาล์วหัวถังได้ เพื่อความสะดวกและลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาในอนาคต

ข้อดีของสารสะอาดดับเพลิงประเภทก๊าซเฉื่อย (Inert Gas Agent)

  • ปลอดภัยต่อมนุษย์ และสิ่งมีชีวิตทุกชนิด (เมื่อออกแบบ,ติดตั้ง และได้รับสารตามปริมาณและระยะเวลาที่กำหนดตามมาตรฐาน)
  • ปลอดภัยต่อทรัพย์สินมีค่า จึงเหมาะสำหรับห้องเก็บเอกสารสำคัญ, พิพิธภัณฑ์, ห้องเก็บโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุของชาติ
  • ไม่นำไฟฟ้า จึงเหมาะสำหรับห้องไฟฟ้า, ห้องคอมพิวเตอร์, ห้องเสิร์ฟเวอร์, ห้องดาต้าเซ็นเตอร์, ห้อง UPS
  • ไม่มีสิ่งตกค้าง จึงไม่ต้องทำความสะอาดหลังการใช้งาน
  • เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการยกเลิกระบบในอนาคต ดังเช่นระบบดับเพลิงอื่นๆ
  • เป็นระบบที่มีความดันสูง จึงเหมาะกับห้องที่มีขนาดใหญ่ หรือห้องที่ต้องเดินท่อในระยะไกล
  • สามารถหาสารบรรจุได้ง่ายและราคาประหยัด
  • ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง เนื่องจากแรงดันขณะฉีดก๊าซจะมีความดันไม่เกิน 60 bars จึงสามารถใช้ท่อเหล็กหนาเบอร์ 40 (Schedule #40) ได้

ข้อเสียของสารสะอาดดับเพลิงประเภทก๊าซเฉื่อย (Inert Gas Agent)

  • ใช้พื้นที่ติดตั้งถังบรรจุสารดับเพลิงมากกว่าสารดับเพลิงประเภทสารสังเคราะห์

2. สารสะอาดประเภทสังเคราะห์

คือ สารตระกูลฮาโลคาร์บอน (Halocarbon Agent) ซึ่งมีสารจำพวก ฟลูโอรีน คาร์บอน, ไฮโดรเจน เป็นองค์ประกอบหลักอย่างน้อยหนึ่งสาร เช่น Novec 1230 (FK-5-1-12), FM-200 (HFC227ea) เป็นต้น

Novec1230 ถูกพัฒนาขึ้นมาทดแทนสารดับเพลิงเดิม คือฮาลอน(Halon 1301) จากการลงนามในพิธีสารมอนทรีออล (Montreal Protocol) ค.ศ.1987 เพื่อยกเลิกการใช้สารฮาลอน Novec1230 เป็นสารสะอาดประเภทก๊าซสังเคราะห์ถูกบรรจุภายในถังบรรจุในสถานะของเหลวอัดความดันด้วยก๊าซไนโตรเจน เมื่อฉีดออกมาจะกลายเป็นไอ เพื่อไปดูดซับพลังงานความร้อน (Heat Absorbtion) ให้ต่ำกว่าจุดที่เชื้อเพลิงจะติดไฟได้ และทำให้อุณหภูมิในพื้นที่ขณะที่เกิดเพลิงไหม้ลดลง จึงสามารถดับเพลิงได้อย่างรวดเร็ว

ข้อดีของสารสะอาดดับเพลิงประเภทสังเคราะห์ Novec 1230

  • มีความปลอดภัยต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตสูงกว่าสารดับเพลิงประเภทอื่นๆ
  • ปลอดภัยต่อทรัพย์สินมีค่า จึงเหมาะสำหรับห้องเก็บเอกสารสำคัญ, พิพิธภัณฑ์, ห้องเก็บโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุของชาติ
  • ไม่นำไฟฟ้า จึงเหมาะสำหรับห้องไฟฟ้า, ห้องคอมพิวเตอร์, ห้องเสิร์ฟเวอร์, ห้องดาต้าเซ็นเตอร์, ห้อง UPS
  • ไม่มีสิ่งตกค้าง จึงไม่ต้องทำความสะอาดหลังการใช้งาน
  • เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถสลายในบรรยากาศเพียง 5 วัน จึงไม่ทำลายโอโซนและไม่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน
  • เป็นสารดับเพลิงมีประสิทธิภาพในการดับเพลิงสูง จึงใช้ถังบรรจุในจำนวนที่น้อยกว่า ทำให้ประหยัดพื้นที่เก็บถังบรรจุ

ข้อเสียของสารสะอาดดับเพลิงประเภทสังเคราะห์ Novec 1230

  • ระยะทางการเดินท่อ และข้อจำกัดในการติดตั้งมีมากกว่าสารสะอาดดับเพลิงประเภทก๊าซเฉื่อย
  • ค่าบรรจุ, เติมสารใหม่ มีราคาค่อนข้างสูง

FM-200 จัดอยู่ในสารสะอาดประเภทก๊าซสังเคราะห์ เมื่อฉีดออกมาจะไม่แทนที่ออกซิเจนจึงไม่เป็นอันตรายต่อผู้ปฎิบัติงาน สารดับเพลิง FM-200 จะถูกบรรจุภายในถังในสถานะของเหลวอัดความดันด้วยก๊าซไนโตรเจน เมื่อฉีดออกมาจะกลายเป็นไอ เพื่อไปดูดซับพลังงานความร้อน (Heat Absorbtion) ให้ต่ำกว่าจุดที่เชื้อเพลิงจะติดไฟได้ และทำให้อุณหภูมิในพื้นที่ขณะที่เกิดเพลิงไหม้ลดลง จึงสามารถดับเพลิงได้อย่างรวดเร็ว


ข้อดีของสารสะอาดดับเพลิงประเภทสังเคราะห์ FM-200

  • ปลอดภัยต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิต
  • ปลอดภัยต่อทรัพย์สินมีค่า จึงเหมาะสำหรับห้องเก็บเอกสารสำคัญ, พิพิธภัณฑ์, ห้องเก็บโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุของชาติ
  • ไม่นำไฟฟ้า จึงเหมาะสำหรับห้องไฟฟ้า, ห้องคอมพิวเตอร์, ห้องเสิร์ฟเวอร์, ห้องดาต้าเซ็นเตอร์, ห้อง UPS
  • ไม่มีสิ่งตกค้าง จึงไม่ต้องทำความสะอาดหลังการใช้งาน
  • เป็นสารดับเพลิงมีประสิทธิภาพในการดับเพลิงสูง จึงใช้ถังบรรจุในจำนวนที่น้อยกว่า ทำให้ประหยัดพื้นที่เก็บถังบรรจุ
  • ตัวสารดับเพลิงมีราคาถูกกว่าสารดับเพลิงประเภทสังเคราะห์ชนิดอื่นๆ

ข้อเสียของสารสะอาดดับเพลิงประเภทสังเคราะห์ FM 200

  • ระยะทางการเดินท่อ และข้อจำกัดในการติดตั้งมีมากกว่าสารสะอาดดับเพลิงประเภทก๊าซเฉื่อย
  • ค่าบรรจุ, เติมสารใหม่ มีราคาค่อนข้างสูง
  • เป็นสารที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะถูกยกเลิกการผลิตในอนาคต เนื่องจากนโยบายเรื่องการร่วมการลดภาวะโลกร้อน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก



d

ทำไมต้องดับเพลิงด้วยโฟม

เหตุเพลิงไหม้มีหลายประเภทด้วยกัน สำหรับเพลิงไหม้ที่เกิดจากน้ำมันหรือเกิดจากสารเคมีบางชนิด ห้ามใช้น้ำในการดับเพลิงไหม้เด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้เกิดไฟลุกลามได้!


การใช้โฟมในการดับเพลิง

ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด โฟมจึงเป็นสารดับเพลิงชนิดเดียวที่เหมาะสมกับการดับเพลิงในพื้นที่จัดเก็บน้ำมัน หรือ สารไวไฟโดยการ นำน้ำยาโฟมเข้มข้น (Foam Concentrate) จากโรงงานผู้ผลิต มาผสมกับน้ำดับเพลิง ในอัตราส่วนที่ต้องการ เช่น 1%,3%,6%โดยผ่านตัวผสมโฟม Proportioner(ซึ่งมีหลายชนิด ขึ้นอยู่กับการเลือกลักษณะในการใช้งาน) จนได้ สารละลายโฟม (Foam Solution) ที่พร้อมจะนำไปฉีดออกตามอุปกรณ์ในการฉีดโฟม (Discharge Device) แบบต่าง ๆ โดยในการเลือกชนิดของอุปกรณ์ในการฉีดโฟม (Discharge Device) นั้น จะพิจารณาจากพื้นที่ในการจัดเก็บน้ำมัน หรือ สารไวไฟ โดยโฟมดับเพลิงที่ได้จะมีคุณสมบัติความหนาแน่นต่ำกว่าน้ำมัน หรือ สารไวไฟ จึงสามารถลอยปกคลุมเหนือผิวของน้ำมัน หรือ สารไวไฟที่กำลังลุกไหม้แล้วก่อตัวเป็นแผ่นกว้างไล่อากาศออก พร้อมผนึกไอของน้ำมัน หรือ สารไวไฟไว้ ไม่ให้สัมผัสกับอากาศที่อยู่รอบๆ กลไกอีกส่วนเป็นการลดอุณหภูมิของภาชนะโดยรอบ จากการที่มีน้ำซึ่งเป็นองค์ประกอบอยู่ในฟองโฟม


กลไกในการดับเพลิงของโฟมดับเพลิง

1.การตัดแยกอากาศออกจากไอของน้ำมัน หรือ สารไวไฟ

2.การกำจัดการคายไอจากผิวหน้าของน้ำมัน หรือ สารไวไฟ

3.การแยกเปลวไฟออกจากผิวหน้าของน้ำมัน หรือ สารไวไฟ

4.การหล่อเย็นของผิวหน้าของน้ำมัน หรือ สารไวไฟ รวมทั้ง ภาชนะ หรือ โลหะในบริเวณใกล้เคียง เพื่อป้องกันการลุกซ้ำ (Re-Ignition)


การเลือกชนิดของโฟมดับเพลิงในการดับเพลิง ขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำมัน หรือ สารไวไฟที่จัดเก็บโดยพื้นฐานแล้ว เราแบ่งน้ำมัน หรือ สารไวไฟออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ โดยพิจารณาจากความสามารถในการละลายน้ำของ น้ำมัน หรือ สารไวไฟ ที่จะดับเพลิง คือ

1) ไฮโดรคาร์บอน (Hydrocarbon)ไฮโดรคาร์บอนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีขั้ว จึงไม่สามารถละลายน้ำได้ ตัวอย่างเช่น น้ำมันดิบ (Crude oil) น้ำมันเชื้อเพลิง (Gasoline) เฮกเซน (Hexane) แนปธา(Naphtha) น้ำมันดีเซล (Diesel oil) สไตรีนโมโนเมอร์ (Styrene Monomer หรือ SM) ฯลฯ

2) โพลาร์ โซลเว้นท์ (Polar Solvent) ส่วนโพลาร์ โซลเว้นท์จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีขั้ว จึงสามารถละลายในน้ำได้ ตัวอย่างเช่น แอลกอฮอล์ (Alcohols) เอสเตอร์ (Esters) คีโทน (Ketones) ฯลฯ


ชนิดของน้ำยาโฟมดับเพลิงเข้มข้น (Foam Concentrate)ที่นิยมใช้

1. โฟมโปรตีน (Protein Foam Concentrates) โฟมโปรตีนเป็นโฟมที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ดับไฟที่เกิดจากสารไฮโดรคาร์บอนเท่านั้น มีลักษณะเป็นเนื้อเดียวกัน ฟองโฟมมั่นคง ให้ประสิทธิภาพดีเยี่ยมในการต้านทานความร้อน การป้องกันไฟลุกติดขึ้นมาใหม่ และการยุบตัว

2. โฟมฟลูออโรโปรตีน (Fluoroprotein Foam Concentrates) โฟมฟลูออโรโปรตีนใช้สำหรับดับไฟที่เกิดจากสารไฮโดรคาร์บอนเท่านั้น ซึ่งในฐานะที่ยังเป็นโฟมโปรตีนอยู่ จึงมีคุณสมบัติต้านทานความร้อนและป้องกันการลุกติดไฟขึ้นมาใหม่ที่ดีเยี่ยม ทำให้วางใจได้ในความปลอดภัยหลังดับไฟสำเร็จ และมีการไหลตัวได้ดีกว่าโฟมโปรตีน

3. โฟม Conventional AFFF เป็นโฟมที่สามารถสร้างชั้นเคลือบผิวหน้าไฟ (Filming) ได้ในช่วงเวลาสั้นๆสามารถดับไฟได้เร็วขึ้น แต่สามารถใช้ดับเพลิงที่เกิดจากสารไฮโดรคาร์บอนเท่านั้น

4. โฟม Alcohol Resistant AFFF (AR-AFFF) ไฟที่เกิดจากสารไวไฟโพลาร์ โซลเว้นท์สามารถทำลายโฟม AFFF ธรรมดาโดยการแยกน้ำออกจากส่วนผสมทำให้ชั้นฟิล์มคลุมเชื้อเพลิง เกิดความเสียหาย ดังนั้น การดับไฟประเภทนี้ ต้องใช้โฟมที่มีคุณสมบัติต่อต้านแอลกอฮอล์หรือสารโพลาร์ โซลเว้นท์ เนื่องจากโฟมชนิดดังกล่าวมีสารโพลีเมอร์ที่สามารถป้องกันฟิล์มโฟมไม่ให้ถูกทำลายโดยเชื้อเพลิงโพลาร์ โซลเว้นท์


อัตราส่วนในการผสมน้ำยาโฟมดับเพลิงเข้มข้น (Foam Concentrate) กับ น้ำดับเพลิง

ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีที่ต้องการใช้สารละลายโฟม (Foam Solution) ในอัตราส่วน 3% ทำได้โดยการ จะต้องนำน้ำยาโฟมเข้มข้น (Foam Concentrate) จำนวน 3 ส่วนผสมกับน้ำ 97 ส่วน โดยผ่านตัวผสมโฟม (Proportioner) ที่เหมาะสม เพื่อให้ได้สารละลายโฟม (Foam Solution) จำนวน 100 ส่วน แล้วผสมกับอากาศตอนออกจากอุปกรณ์ในการฉีดโฟม Foam Discharge Device ภายในพื้นที่ป้องกัน เพื่อให้ได้ฟองโฟมที่มีความอยู่ตัวแม้โดนความร้อน มีความไหลลื่น มีพอควรเพื่อการแผ่กระจายไปบนผิวหน้าของน้ำมัน หรือ สารไวไฟอย่างรวดเร็ว และเข้าถึงมุมอับได้ดี


การเก็บน้ำยาโฟมดับเพลิงเข้มข้น (Foam Concentrate)

ในการเก็บน้ำยาโฟมดับเพลิงเข้มข้น (Foam Concentrate)ที่ซื้อมาจากผู้ผลิตจะต้อง เก็บในอุณหภูมิไม่สูงกว่าที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ ไม่เช่นนั้นแล้วน้ำยาโฟมดับเพลิงเข้มข้น (Foam Concentrate) จะเสื่อมคุณภาพจากความร้อนสูง และจะต้องไม่เก็บน้ำยาโฟมดับเพลิงเข้มข้น (Foam Concentrate) ในอุณหภูมิเยือกแข็ง (Freezing point)

การเก็บน้ำยาโฟมดับเพลิงเข้มข้น (Foam Concentrate) ไว้ในอุณหภูมิที่เหมาะสม (กำหนดโดยผู้ผลิต) นอกจากจะทำให้ น้ำยาโฟมดับเพลิงเข้มข้น (Foam Concentrate)ไม่เสื่อมสภาพแล้ว ยังสามารถนำออกไปใช้ งานได้ง่ายอีกด้วย


ข้อแนะนำในการเก็บน้ำยาโฟมดับเพลิงเข้มข้น (Foam Concentrate)

1. เก็บน้ำยาโฟมดับเพลิงเข้มข้น (Foam Concentrate)ไว้ในถังบรรจุที่มีหลังคามุง โดยเก็บในปริมาณที่เพียงพอกับการดับเพลิง

2. หลีกเลี่ยงการเก็บในที่มีอุณหภูมิสูง เกินที่ผู้ผลิตกำหนด

3. ห้ามเก็บน้ำยาโฟมดับเพลิงเข้มข้น (Foam Concentrate) รวมกันหลายยี่ห้อไว้ในถังบรรจุใบเดียวกัน ในกรณีเป็นการเก็บระยะยาว

4. ป้องกันน้ำไม่ให้เข้าไปในที่เก็บน้ำยาโฟมดับเพลิงเข้มข้น (Foam Concentrate) ซึ่งจะทำให้น้ำยาโฟมดับเพลิงเข้มข้น (Foam Concentrate) เสื่อมคุณภาพ

5. ป้องกันการปนเปื้อนจากส่วนผสม แปลกปลอมสารเคมีหรือน้ำมัน การเขย่า การกวนและการใช้ฝาปิดไม่เหมาะสมอาจจะทำให้ น้ำยาโฟมดับเพลิงเข้มข้น (Foam Concentrate) เกิดการปนเปื้อนได้

6. วาล์ว ตัวเชื่อมต่อ และท่อที่จะต้อง สัมผัสกับน้ำยาโฟมดับเพลิงเข้มข้น (Foam Concentrate) อยู่ตลอดเวลา จะต้องเป็นโลหะที่ไม่ทำให้เกิดสนิมหรือการกัดกร่อน โดยอ้างอิงคำแนะนำจากผู้ผลิตน้ำยาโฟมดับเพลิงเข้มข้น (Foam Concentrate)

การตรวจสอบคุณภาพของ น้ำยาโฟมดับเพลิงเข้มข้น (Foam Concentrate) ที่จัดเก็บ

เพื่อให้เกิดความมั่นใจในคุณภาพของ น้ำยาโฟมดับเพลิงเข้มข้น (Foam Concentrate) ที่จัดเก็บมาตรฐานสากล มีการกำหนดว่า จะต้องมีการตรวจสอบคุณภาพของ น้ำยาโฟมดับเพลิงเข้มข้น (Foam Concentrate) ที่จัดเก็บ เป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยส่งตัวอย่างน้ำยาโฟมดับเพลิงเข้มข้น (Foam Concentrate) ที่จัดเก็บไปยังผู้ผลิต หรือ ห้อง Lab ที่ได้รับการรับรอง การเก็บรักษาที่ดี จะทำให้น้ำยาโฟมดับเพลิงเข้มข้น (Foam Concentrate) ที่จัดเก็บคงคุณภาพไว้ได้


ในการตรวจสอบคุณภาพของ น้ำยาโฟมดับเพลิงเข้มข้น (Foam Concentrate) จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติตาม ตัวอย่างรายการดังต่อไปนี้

1.การวัดค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH Value)

2.การวัดค่าความถ่วงจำเพาะ (Specific Gravity)

3.การวัดค่าอัตราการขยายตัว Expansion Ratio

4.การวัดค่าการยุบตัว 25% Drainage Time

5.การวัดค่าดัชนีหักเหของแสง Refrac Index

6.การวัดค่าความหนืด Viscosity

7.การวัดค่าตะกอน Sediment

8.ทดสอบการสร้างฟิล์ม Film Form Test

9.การทดสอบการดับแอลกอฮอล์ Hot IPA Test สำหรับโฟมเข้มข้นชนิด AR-AFFF


เรียบเรียงโดย : คุณธานินทร์ เติมวัฒนพงศ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อิมพีเรียลไฟร์เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด


หากสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือต้องการติดตั้งระบบดับเพลิงสามารถติดต่อเรามาได้ที่

http://www.ife.co.th


d

ห้องครัว จุดเสี่ยงอัคคีภัย มั่นใจเมื่อติดตั้งระบบดับเพลิงในห้องครัว ด้วย Kidde Wet Chemical System

ห้องครัว เป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้สูงที่สุด

เนื่องจากมีการใช้งานน้ำมันและไฟในการประกอบอาหาร โดยเฉพาะบริเวณเตา

ตู้ดูดอากาศ และท่อระบายอากาศ ที่อาจมีคราบน้ำมันสะสม

ซึ่งสามารถก่อให้เกิดการลุกลามของไฟได้อย่างรวดเร็ว

หากขาดระบบป้องกันที่เหมาะสม


“Kidde Wet Chemical System” เป็นระบบดับเพลิงที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับห้องครัว

และได้รับการยอมรับในระดับสากล ด้วยเทคโนโลยีที่สามารถดับเพลิง

ที่เกิดจากน้ำมันประกอบอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

พร้อมด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นดังนี้:


• ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน: ใช้สารดับเพลิงที่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์

• ปกป้องอุปกรณ์ครัว: ไม่ทำลายอุปกรณ์และสามารถทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย

• ระบบทำงานอัตโนมัติ: ทำงานได้แม้ในกรณีฉุกเฉินที่ไม่มีไฟฟ้า

• ระบบตรวจจับความร้อนที่แม่นยำ: มีอุปกรณ์ตรวจจับความร้อน 4 ประเภท

พร้อมการระบุสีอย่างชัดเจน เพื่อการติดตั้งที่เหมาะสมและตรงตามความต้องการ

• มาตรฐานสากล: ผ่านการรับรองจากองค์กรชั้นนำ เช่น UL และ American Bureau of Shipping


การติดตั้งระบบดับเพลิงที่เหมาะสมสำหรับห้องครัว จะช่วยลดความเสี่ยงจากอัคคีภัย

เสริมสร้างความปลอดภัย และเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ


บริษัท อิมพีเรียลไฟร์เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด พร้อมให้คำปรึกษา ออกแบบ

และติดตั้งระบบดับเพลิงสำหรับห้องครัว โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ทุกการดำเนินงานเป็นไปอย่างปลอดภัย

และมีประสิทธิภาพสูงสุด


ติดต่อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบดับเพลิง

http://www.ife.co.th หรือ โทร 02-319-6000


#ระบบดับเพลิงอิมพีเรียล #ระบบดับเพลิงอาคาร

#ระบบดับเพลิงในครัว #IMPERIALFIREENGINEERING

#ปลอดภัยไปกับอิมพีเรียล #KiddeFireProtection ดูน้อยลง

d

ทำความรู้จักระบบดับเพลิงอัตโนมัติ "FireDETEC R107"

หนึ่งในระบบขนส่งสาธารณะที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบันก็คือ ‘รถบัส’

เพราะมีเส้นทางครอบคลุมทั่วประเทศ และนั่งได้สะดวกสบาย

แต่กลับมีอุบัติเหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว

ทำให้เกิดความสูญเสีย และสร้างความสะเทือนใจให้กับคนไทยอย่างมาก

.

ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องมีเทคโนโลยีระบบดับเพลิงที่มีประสิทธิภาพมาช่วยเพื่อเพิ่มเวลาในการอพยพและลดความสูญเสียให้น้อยที่สุด

ด้วยระบบดับเพลิงอัตโนมัติ ซึ่งมีชื่อว่า ‘FireDETEC R107’

เป็นระบบดับเพลิงอัตโนมัติ ที่ได้รับมาตรฐาน UNECE R107

ที่ถูกพัฒนามาเพื่อลดความเสี่ยงจากไฟไหม้ภายในรถ

ซึ่งอาจเกิดจากการลัดวงจรหรือปัญหาอื่น ๆ ของเครื่องยนต์

ถูกใช้มายาวนานในยุโรปและเป็นมาตรฐานของรถบัสทุกคันที่ต้องติดตั้งระบบนี้

.

โดยตัวถังดับเพลิงจะถูกติดตั้งไว้ในบริเวณที่มีความเสี่ยงสูง

เช่น ห้องเครื่องยนต์ พื้นที่เก็บของ และต่อท่อที่มีหัวฉีดไปตามจุดต่าง ๆ

ใกล้เคียงกับบริเวณที่มีไฟไหม้บ่อยครั้ง ได้แก่ ถังเชื้อเพลิง หรือเครื่องยนต์

เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ ระบบจะมีเซนเซอร์ตรวจจับความผิดปกติ และส่งข้อมูลไปยังระบบควบคุม

พร้อมส่งสัญญาณเตือนไปที่คนขับเพื่อให้อพยพได้อย่างปลอดภัย

ในขณะเดียวกันระบบก็จะปล่อยสารดับเพลิงออกมาโดยอัตโนมัติ

ผ่านหัวฉีดที่ติดตั้งไว้ทำให้เพลิงไหม้ดับลงได้อย่างรวดเร็ว

.

ด้วยระบบดับเพลิงอัตโนมัติ ‘FireDETEC R107’

จะช่วยลดโอกาสการเกิดเพลิงไหม้ขนาดใหญ่ เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้โดยสาร

และลดความเสียหายต่อทรัพย์สินได้ ติดตั้งง่ายเหมาะสำหรับการติดตั้งในรถบัสของไทย

เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับการเดินทางมากขึ้น

d

เลือกระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ (Fire Alarm Systems) แบบไหน ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

ปัจจุบันระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ หรือ Fire Alarm Systems มีให้เลือกมากมายตามการใช้งานที่แตกต่างกัน ทำให้หลายท่านเกิดข้อสงสัยว่าจะต้องเลือกระบบแบบไหนให้เหมาะสม วันนี้อิมพีเรียลเลยขอพาทุกท่านมาเจาะลึก 2 ระบบใหม่ คือ “ระบบตรวจจับความร้อน” และ “ระบบตรวจจับควัน” ที่ถูกพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถในการ ตรวจจับเหตุเพลิงไหม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น



ซึ่งทั้ง 2 ระบบนี้จะมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ตามไปดูได้เลยครับ


ระบบตรวจจับควันแบบสุ่มอากาศ Aspirating Smoke Detector (ASD)


มีวิธีการทำงานโดยการสุ่มดูดอากาศในพื้นที่ผ่านท่อเข้าไปที่ตัวเซ็นเซอร์ และวิเคราะห์อนุภาคของควัน ได้ตั้งแต่กลุ่มควันยังมีปริมาณเบาบาง ซึ่งอนุภาคของควันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดเพลิงไหม้ สามารถตรวจจับได้ 24 ชม.

  • เหมาะกับสถานที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ โลจิสติกส์ คลังสินค้า ห้องปลอดเชื้อหรือห้องที่ควบคุมสภาพแวดล้อม ห้องเซิร์ฟเวอร์ รวมไปถึงสถานี้รถไฟฟ้า


ระบบตรวจจับความร้อนแบบวัดค่าเฉลี่ยแรงดัน


SecuriHeat ADW 535 : Linear Heat Detection System ตรวจสอบเพลิงไหม้โดยวัดการเปลี่ยนแปลงของแรงดันอากาศภายในท่อเซนเซอร์ที่จะแปรผันขึ้นลงตามอุณหภูมิแวดล้อมของพื้นที่ป้องกัน เซ็นเซอร์ความดันอิเล็กทรอนิกส์จะคอยตรวจสอบความดันในท่ออยู่ตลอดเวลา มีการประเมินและเปรียบเทียบค่าแรงดันกับเกณฑ์แวดล้อมที่ตั้งไว้เพื่อป้องกันการแจ้งเตือนที่ผิดพลาด

  • เหมาะกับสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมไม่ปกติ เช่น บริเวณหม้อแปลงไฟฟ้า โรงงานผลิตอาหาร ลานจอดรถ โซนอันตราย อาคารประวัติศาสตร์ และสภาพแวดล้อมที่สกปรก เป็นต้น


ทั้ง 2 ระบบนี้ต่างก็มีข้อดีและประสิทธิภาพการทำงานสูงมาก หากต้องติดตั้งจึงควรเลือกระบบตรวจจับให้เหมาะสมกับการใช้งานและสถานที่ จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและปกป้องชีวิต และทรัพย์สินได้อย่างมีคุณภาพครับ


ติดต่อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบดับเพลิง

http://www.ife.co.th หรือ โทร 02-319-6000


#ระบบดับเพลิงอิมพีเรียล #ระบบดับเพลิงอาคาร #ระบบโฟมดับเพลิง #IMPERIALFIREENGINEERING

#ปลอดภัยไปกับอิมพีเรียล #Securiton #ระบบตรวจจับความร้อนแบบวัดค่าเฉลี่ยแรงดัน #ระบบตรวจจับควันความเร็วสูง #securiheatADW535 #LinearHeatDetectionSystem #AspiratingSmokeDetector #ASD

d

ระบบตรวจจับความร้อนแบบวัดค่าเฉลี่ยแรงดัน SecuriHeat ADW 535 : Linear Heat Detection System"

ระบบตรวจจับความร้อนแบบวัดค่าเฉลี่ยแรงดัน SecuriHeat ADW 535 : Linear Heat Detection System


เทคโนโลยีนำเข้าจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สามารถตรวจสอบเพลิงไหม้ได้โดยวัดการเปลี่ยนแปลงของแรงดันอากาศภายในท่อ เพื่อแปลค่าเป็นอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง โดยท่อเซนเซอร์เป็นวัสดุชนิดทองแดง หรือ สแตนเลสสตีล ซึ่งจะมีเซนเซอร์ความดันในการตรวจสอบความดันภายในท่ออยู่ตลอดเวลา และมีการประเมินเปรียบเทียบค่าแรงดันกับเกณฑ์แวดล้อมที่ตั้งไว้อีกด้วย เพื่อป้องกันการเตือนที่ผิดพลาด


.


ระบบนี้จึงเป็นอีกหนึ่งระบบที่มีความสามารถในการตรวจสอบเพลิงไหม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะสถานที่มีสภาพแวดล้อมที่ไม่ปกติ ได้แก่


  1. หม้อแปลงไฟฟ้า เป็นสถานที่เสี่ยงเกิดอันตรายจากไฟไหม้เป็นอย่างสูง เพราะความร้อนที่อาจเพิ่มขึ้นอย่างกระทันหัน โดยเฉพาะหม้อแปงที่ติดตั้ง outdoor ที่ซึ่งระบบตรวจจับ ADW เหมาะอย่างยิ่ง เนื่องจากสามารถติดตั้งภายนอก โดนแดดและฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ
  2. โรงงานผลิตอาหาร เป็นสถานที่ที่มีกฎระเบียบด้านสุขอนามัย พื้นที่การผลิตอาหารจะต้องมีการทำสะอาดด้วยแรงดันน้ำสูงหรือสารที่อาจมีฤทธิ์กัดกร่อน ระบบตรวจจับ ADW จึงเหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องด้วยสามารถติดตั้งด้วยท่อตรวจจับขนิดสแตนเลสสตีลได้ จึงทำให้ไม่มีผลต่อน้ำหรือความชื้นในพื้นที่โรงงานผลิตอาหาร
  3. ลานจอดรถ เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีความเสี่ยงเกิดเพลิงไหม้เช่นกัน รวมถึงข้อจำกัดในการติดตั้ง ทั้งความชื้น ฝุ่น การถ่ายเทของอากาศ ทำให้เหมาะสมในการตรวจจับด้วยระบบ ADW
  4. พื้นที่โซนอันตราย พื้นที่ที่มีสารก่อการระเบิดได้ ทั้งเชื้อเพลิงที่อันตราย และเป็นสถานที่เสี่ยงเกิดเหตุเพลิงไหม้ได้ง่าย จึงจำเป็นต้องใช้ระบบตรวจจับอัคคีภัยที่มีประสิทธิภาพและมีมาตรฐานการติดตั้งในพื้นที่ EX ได้
  5. สภาพแวดล้อมที่สกปรกและผิดปกติ เป็นสถานที่ที่ระบบตรวจจับอื่น ๆ ไม่สามารถรับมือกับสภาพแวดล้อมดังกล่าวได้ จึงจำเป็นจะต้องใช้ระบบตรวจจับความร้อนแบบวัดค่าเฉลี่ยแรงดัน(ADW) ที่ทนต่อสิ่งสกปรกหรือ ฝุ่น หรือและสารเคมีได้
  6. ระบบตรวจจับความร้อนแบบวัดค่าเฉลี่ยแรงดัน จึงเป็นอีกหนึ่งระบบที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถตรวจจับได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และเหมาะสมกับพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมไม่ปกติ ซึ่งนำไปสู่การป้องกันการสูญเสียทรัพย์สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  7. แต่ละระบบตรวจจับเพลิงไหม้ ก็มีความสามารถและเหมาะสมกับสถานที่ที่แตกต่างกัน เมื่อจะต้องติดตั้งระบบดับเพลิงสามารถติดต่อบริษัท อิมพีเรียลไฟร์เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้นะครับ เราพร้อมที่จะให้บริการทุกท่านด้วยระบบดับเพลิงอัตโนมัติและระบบตรวจจับเพลิงไหม้ที่มีมาตรฐานครับ


.


ติดต่อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบดับเพลิง

http://www.ife.co.th หรือ โทร 02-319-6000

#ระบบดับเพลิงอิมพีเรียล #ระบบดับเพลิงอาคาร

#ระบบดับเพลิงในครัว #IMPERIALFIREENGINEERING

#ปลอดภัยไปกับอิมพีเรียล #securiheatADW535

#Securiton #LinearHeatDetectionSystem

d

SecuriHeat ADW 535 : Linear Heat Detection System ระบบตรวจจับความร้อนแบบวัดค่าเฉลี่ยแรงดัน ตรวจจับแม่นยำ 24 ชั่วโมง

อุบัติเหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นได้บ่อยครั้งโดยเฉพาะพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมไม่ปกติ เช่น พื้นที่ outdoor พื้นที่อุณหภูมิสูง พื้นที่มีสารเคมี พื้นที่มีความชื้น เป็นต้น สถานที่เหล่านี้มี ความเสี่ยงที่จะเกิดเพลิงไหม้เช่นกัน แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถใช้ระบบตรวจจับความร้อนแบบทั่วไปได้เพราะสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอน ทำให้ต้องเลือกใช้ระบบตรวจจับความร้อนที่พัฒนามาเป็นพิเศษ ซึ่งวันนี้ บริษัท อิมพีเรียลไฟร์เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด จะพาทุกคนไปรู้จักกับ “ระบบตรวจจับความร้อนแบบวัดค่าเฉลี่ยแรงดัน” กันครับ


.


ระบบตรวจจับความร้อนแบบวัดค่าเฉลี่ยแรงดัน SecuriHeat ADW 535 : Linear Heat Detection System เป็นเทคโนโลยีจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยหลักการทำงานคือ การตรวจสอบเพลิงไหม้โดยวัดการเปลี่ยนแปลงของแรงดันอากาศภายในท่อเซนเซอร์ที่จะแปรผันขึ้นลงตามอุณหภูมิแวดล้อมของพื้นที่ป้องกัน เซ็นเซอร์ความดันอิเล็กทรอนิกส์จะคอยตรวจสอบความดันในท่ออยู่ตลอดเวลา มีการประเมินและเปรียบเทียบค่าแรงดันกับเกณฑ์แวดล้อมที่ตั้งไว้เพื่อป้องกันการแจ้งเตือนที่ผิดพลาดอีกด้วย


โดยมีคุณสมบัติดังนี้

  • สามารถทำงานตรวจจับความร้อนที่เปลี่ยนแปลงได้ 24 ชม.
  • ไม่ต้องบำรุงรักษา
  • สามารถกำหนดค่าความร้อนที่ต้องการให้แจ้งเตือนได้
  • ตรวจจับความร้อนได้ทั้งแบบวัดอัตราเพิ่มขึ้นของความร้อนฉับพลัน (Rate of Rise) หรือแบบค่าคงที่ (Fixed Threshold Alarm)
  • สามารถตั้งหน่วงเวลาได้
  • สามารถจับความร้อนได้ตั้งแต่อุณหภูมิ -40 - +300
  • ได้รับรองมาตรฐาน UL, FM, VDS และ ATEX
  • สามารถเดินท่อตรวจจับได้ระยะสูงสุด 400 เมตร ต่อหนึ่งชุดควบคุม ทั้งนี้สามารถเพิ่มระยะโดยการเพิ่มชุดควบคุมได้
  • ท่อตรวจจับความร้อนสามารถเลือกใช้เป็นทองแดง สแตนเลส หรือเทฟลอนได้ตามต้องการ
  • ตัวตู้ควบคุมมี IP Rating สูงสุดถึง IP66
  • สามารถเชื่อมต่อเป็น Network ได้ผ่าน RS-485 หรือ LAN


ด้วยความสามารถในการตรวจจับความร้อนที่แม่นยำ และมีความเหมาะสมกับพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมไม่ปกติ อาทิพื้นที่ภายนอก พื้นที่ที่มีความร้อนสูง หรือความชื้นสูง ทำให้ระบบตรวจจับความร้อนแบบวัดค่าเฉลี่ยแรงดัน SecuriHeat ADW 535 : Linear Heat Detection System เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมเทคโนโลยี ที่ช่วยแจ้งเตือนล่วงหน้า เพื่อการป้องกันเหตุเพลิงไหม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


.


ติดต่อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบดับเพลิง

http://www.ife.co.th หรือ โทร 02-319-6000

#ระบบดับเพลิงอิมพีเรียล #ระบบดับเพลิงอาคาร

#ระบบดับเพลิงในครัว #IMPERIALFIREENGINEERING

#ปลอดภัยไปกับอิมพีเรียล

d

Aspirating Smoke Detector (ASD) ระบบตรวจจับควันความเร็วสูง

ระบบตรวจจับควันความเร็วสูง หรือ Aspirating Smoke Detector (ASD) เป็นนวัตกรรมใหม่ภายใต้แบรนด์ Securiton จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งทำงานโดยการดูดสุ่มอากาศในพื้นที่โดยรอบ ตลอด24ชั่วโมง ผ่านท่อสุ่มอากาศและนำไปสู่ตัวเซนเซอร์ที่ทำหน้าที่วิเคราะห์อนุภาคของควันได้ตั้งแต่กลุ่มควันยังมีปริมาณเบาบาง ตัวตู้ควบคุมได้รับ IP Rating สูงถึง IP66





ด้วยความสามารถการตรวจจับที่รวดเร็วเป็นอย่างมาก จึงมีความเหมาะสมในการติดตั้งในสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น


  1. พื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ เช่น โกดังเก็บสินค้า โรงละคร หรือ สนามบิน เพราะด้วยพื้นที่กว้าง หากใช้เครื่องตรวจจับควันแบบทั่วไปอาจจะทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ หรือ ไม่สามารถจับควันได้นั่นเอง เนื่องจากพื้นที่กว้างกลุ่มควันจะเบาบางและเจือจางตามขนาดพื้นที่ ทั้งนี้ ASD สามารถสุ่มตรวจจับควันได้ในระดับที่แม้แต่ตายังมองไม่เห็นได้ จึงปลอดภัย แม่นยำ และรวดเร็วกว่า ด้วยพัดลมดูดอากาศที่สามารถตั้งความเร็วได้ถึง 5 ระดับ ทำให้สามารถสุ่มอากาศในพื้นที่ขนาดใหญ่ได้เป็นอย่างดี และสามารถปกป้องชีวิตและทรัพย์สินได้ทันเวลา
  2. โลจิสติกส์และคลังสินค้า เป็นสถานที่เก็บรวบรวมของสินค้าที่มีมูลค่าจำนวนมาก และมีขนาดใหญ่ และเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญของบริษัทหรือองค์กร จึงเป็นสถานที่ที่ต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ เพราะถ้ามีเพียงประกายไฟเล็กๆก็อาจจะสร้างความเสียหายต่อบริษัทได้อย่างใหญ่หลวง ซึ่ง ASD สามารถตอบสนองการตรวจจับควันอย่างรวดเร็วและแม่นยำในกรณีเกิดเพลิงไหม้ มีความสามารถในการเตือนภัยล่วงหน้าตั้งแต่เหตุการณ์ยังไม่รุนแรง ช่วยให้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที
  3. ห้องปลอดเชื้อและห้องที่ควบคุมสภาพแวดล้อม (cleanrooms and controlled environments)
  4. ห้องเซิร์ฟเวอร์ DATA Center มีอากาศในห้องที่มีความแรงของลมสูง การตรวจจับควันจึงทำได้ยาก ซึ่งระบบ ASD สามารถปรับระดับการดูดอากาศได้ จึงเหมาะกับพื้นที่ที่มีแรงลมสูง ทำให้สามารถตรวจจับควันก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้ได้อย่างแม่นยำ
  5. รถไฟฟ้าและสถานีรถไฟฟ้า ในระบบรถไฟฟ้าที่เป็นใต้ดิน ที่มีคนจำนวนมาก หากเกิดเพลิงไหม้ การรับรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะด้วยกลุ่มคนที่หนาแน่น การอพยพจำเป็นต้องใช้เวลาในการจัดการ ดังนั้น ASD ด้วยประสิทธิภาพในการตรวจจับควันอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ดูแลพื้นที่มีเวลามากขึ้นในการจัดการอพยพผู้คนออกจากพื้นที่ ช่วยปกป้องความเสียหายของชีวิตและทรัพย์สิน


ระบบตรวจจับควันแบบสุ่มอากาศ จึงกลายมาเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ด้านการแจ้งเตือนอัคคีภัยได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การป้องกันการสูญเสียทรัพย์สิน ชีวิต ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


.


ติดต่อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบดับเพลิง

http://www.ife.co.th หรือ โทร 02-319-6000

#ระบบดับเพลิงอิมพีเรียล #ระบบดับเพลิงอาคาร

#ระบบดับเพลิงในครัว #IMPERIALFIREENGINEERING

#ปลอดภัยไปกับอิมพีเรียล #ระบบตรวจจับควันความเร็วสูง #AspiratingSmokeDetector #ASD

d

Aspirating Smoke Detector (ASD) ระบบตรวจจับควันแบบสุ่มอากาศ

ในหลายครั้งเพลิงไหม้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถควบคุมได้ อันเนื่องมาจากกว่าจะรู้ว่าเกิดเหตุ ไฟก็ลุกลามไปแล้ว ระบบตรวจจับอนุภาคควันไฟ หรือ Smoke Detector จึงมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้รู้ตัวได้ทันและป้องกันการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างมาก ในปัจจุบันก็มีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ช่วยให้สามารถจับอนุภาคควันได้เร็วยิ่งขึ้น และถูกพัฒนามาเป็น “ระบบตรวจจับควันแบบสุ่มอากาศ Aspirating Smoke Detector (ASD)” แต่จะมีวิธีการทำงานและข้อดีอย่างไร วันนี้ บริษัท อิมพีเรียลไฟร์เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด จะพาทุกท่านไปรู้จักกันครับ


.



ระบบตรวจจับควันแบบสุ่มอากาศ Aspirating Smoke Detector (ASD)


เป็นนวัตกรรมใหม่จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ภายใต้แบรนด์ SECURITON ซึ่งมีวิธีการทำงานโดยการสุ่มดูดอากาศในพื้นที่ผ่านท่อเข้าไปที่ตัวเซ็นเซอร์ และวิเคราะห์อนุภาคของควัน ได้ตั้งแต่กลุ่มควันยังมีปริมาณเบาบาง ซึ่งอนุภาคของควันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดเพลิงไหม้ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติอีกมากมาย ได้แก่


  1. สามารถตรวจจับควันไฟได้ 24 ชม.
  2. ได้รับรองมาตรฐานสากล UL FM และ VDS สามารถเดินท่อตรวจจับได้ระยะสูงสุด 600 เมตร และออกแบบท่อตรวจจับ Multi-Channel ได้สูงสุด 8 ท่อ
  3. สามารถติดตั้งในที่อุณหภูมิต่ำ -30 องศาได้
  4. ตู้ ASD ได้รับ IP Rating สูงสุดถึง IP66 ตรวจจับอนุภาคควันได้รวดเร็ว
  5. ระดับเสียงการทำงานเพียง 25-34 เดซิเบล เสียงเบา ไม่รบกวนการทำงานอื่น
  6. สามารถเชื่อมต่อเป็น Network ได้ ผ่าน RS-485 หรือ LAN
  7. สามารถบันทึก Event log ได้สูงสุดถึง 16 ล้านเหตุการณ์
  8. ไส้กรองอากาศ สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่าย โดยไม่จำเป็นต้องถอดหรือเปิดฝาตัวเครื่อง


ด้วยคุณสมบัติต่าง ๆ ของระบบตรวจจับควันแบบสุ่มอากาศ Aspirating Smoke Detector (ASD) ทำให้กลายมาเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ตอบโจทย์การป้องกันอัคคีภัยได้รวดเร็ว และป้องกันการสูญเสียทรัพย์สิน ชีวิต ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


.


ติดต่อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบดับเพลิง

http://www.ife.co.th หรือ โทร 02-319-6000

#ระบบดับเพลิงอิมพีเรียล #ระบบดับเพลิงอาคาร #ระบบตรวจจับควัน

#IMPERIALFIREENGINEERING #ปลอดภัยไปกับอิมพีเรียล